บทความจาก Fox Sports Asia “ถึงเวลาที่ช้างศึก2018 จะเทียบรัศมีช้างศึก2014 ที่บูกิตจาริล”
ฟ๊อกซ์สปอร์ตเอเชีย สื่อในอาเซียนทำข่าวเจาะประเด็นเกี่ยวกับช้างศึกในการไปเยือนรังเหย้าเรือนแสนที่บูกิต จาริล
บทความจาก Fox Sports Asia วันที่ 29 พ.ย. 2018 โดยคอลัมนิสต์ชื่อ Kevin Leong ได้เขียนคอลัมน์ไว้อย่างน่าสนใจในหัวข้อ “ถึงเวลาที่ช้างศึกรุ่น 2018 จะออกมาเทียบรัศมีกับช้างศึกรุ่นพี่ (2014) เพื่อพิชิตบูกิต จาริล” โดยนี้เนื้อหาดังนี้
เสือเหลืองมาเลเซียต้องการล้างแค้นจากที่ต้องหัวใจสลายในการแข่งขัน AFF Suzuki Cup รอบชิงชนะเลิศเลกที่ 2 ในปี2014 เมื่อต้องโคจรมาเจอกันอีกครั้งในรอบรองชนะเลิศของถ้วยแห่งศักดิ์ศรีของอาเซียนเลกแรก ที่กำลังจะเกิดขึ้นในค่ำวันเสาร์นี้ ณ สมรภูมิเดิม….บูกิต จาริล
ย้อนกลับไปในปีนั้น ก่อนวันคริสมาสต์ 5 วัน สนามบูกิตจาริลแน่นขนัดไปด้วยแฟนบอล ทุกที่นั่งในสนามขนาดความจุ 90,000 ที่นั่งถูกจับจองจนไม่มีที่ว่าง
เดิมพันของวันนั้นคือ การเป็นผู้พิชิตถ้วยเกียรติยศสูงสุดแห่งภูมิภาคอาเซียนของทีมเสือเหลือง และสำหรับฝ่ายไทยการครองแชมป์ครั้งที่สี่ของทีมช้างศึกซึ่งจะเป็นการทำสถิติผู้พิชิตเจ้าอาเซียนเทียบเท่าสิงคโปร์ที่สี่ครั้งในประวัติศาสตร์การแข่งขัน 18 ปี ของถ้วย AFF Suzuki Cup
นอกจากนี้หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยยามนั้น (และกลายเป็นตำนานในขณะนี้).. ซิโก้หรือ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง.. ก็กำลังตามล่าการทำสถิติเป็นผู้ที่ชูถ้วยรางวัลนี้ทั้งในตำแหน่งผู้เล่นและตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นคนแรก
จากการเอาชนะมาเลเซียไปได้ 2:0 ในเลกแรกที่เล่นในสนามราชมังฯ ทีมช้างศึก ได้ย่างก้าวลงสนามบูกิตจาริลโดยเสมือนมือข้างหนึ่งได้กำถ้วยเกียรติยศใบนั้นไว้แล้ว
แต่เรื่องราวก็พลิกผัน เมื่อทีมไทยถูกยิงนำอย่างไม่มีใครคาดหมายถึง 3-0 แค่ช่วงเวลา 60 นาทีแรกของการแข่งขัน โดยซาฟิค ราฮิมทำไปคนเดียวสองลูกและอินทรา ปุตตราอีกหนึ่งลูก ท่ามกลางความงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาของเหล่าช้างศึกที่กำลังบาดเจ็บ
แล้วเมื่อเหลือเวลาการแข่งขันอีกแค่แปดนาที เรื่องมหัศจรรย์ก็บังเกิดขึ้น !!!!!! ชารีล ชัปปุยส์ หนุ่มหน้าหยก ซัดลูกเข้าไปตุงตาข่ายจากลูกที่กระฉอกออกจากมือผู้รักษาประคูมาเลเซียโดยการยิงลูกตั้งเตะของสารัช อยู่เย็น
ถึงตอนนี้ประตูรวมคือ 3:3 มาเลเซียจึงต้องโหมบุกเพื่อเอาชนะจากลูกที่สี่ (ไทยยังได้เปรียบจาก away goal)
แต่..ชนาธิป (ซึ่งเมื่อจบการแข่งขันได้รับรางวัล MVP) กลับเป็นฝ่ายกระซวกเหล่าเสือเหลืองด้วยกริชอันคมกริบในนาทีที่ 87 ด้วยการยิงไกลนอกกรอบด้วยความแรงปานสายฟ้า
เมื่อนกหวีดสุดท้ายจากกรรมการดังขึ้น ไทยครองตำแหน่งแชมป์อาเซียนเป็นครั้งที่สี่
ผ่านไปเกือบสี่ปีอย่างรวดเร็ว วันเสาร์นี้ โค้ชมิโลวาน ราเยวัช จะนำเหล่า 23 ขุนพลช้างศึกลงสนามรบเดิมอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเป้าหมายเดิม แชมป์เท่านั้น เพื่อพิชิตตำแหน่งนี้เป็นครั้งที่หกที่คู่แข่งทุกชาติต่างไม่เต็มใจจะเชื่อ
ในฐานะผู้ครองตำแหน่งสองสมัยซ้อนการไม่ได้พิชิตชัยเป็นราชาอาเซียนต่อเนื่องอีกเป็นสมัยที่ 3 นั้น จะถือเป็นอะไรอื่นไปไม่ได้นอกจาก …ความล้มเหลวของทัพช้างศึก..
ในการนำทัพมาของราเยวัชครั้งนี้ เขาจงใจไม่เลือกเหล่าขุนพลหน้าเดิมที่เป็นที่ชื่นชอบของแฟนบอลอย่าง สารัช ชารีลและเกริกฤทธิ์ อีกทั้งไม่เรียกตัวสามคนจากเจลีค และกวินทร์ จากเบลเยี่ยม ด้วยเชื่อว่า ขุมกำลังที่เหลืออยู่นั้นพอเพียงในการรักษาตำแหน่งเจ้าอาเซียนเอาไว้ได้
เมื่อเริ่มการแข่งขันครั้งนี้ กระทั่งแฟนบอลไทยเองก็ไม่เคยมีความมั่นใจว่าไทยจะรักษาตำแหน่งไว้ได้ แม้ว่าจะเปิดหัวด้วยการเอาชนะแบบถล่มทลายต่อติมอร์ เลสเต ถึง 7:0 โดยอดิศักดิ์ ไกรษรยิงคนเดียว 6 ประตู
สำหรับอดิศักดิ์ หรือ อุลตร้าแมน ที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บที่ยาวนานนั้น เขาเป็นนักฟุตบอลที่มีสัญชาตญาณผู้ล่าและนักฆ่าอย่างยากที่จะหาตัวเปรียบเทียบจากผู้เล่นอื่น เหล่าแนวรับของมาเลเซียจะต้องจับตามองเขาไม่ให้คลาดไปจากสายตา
และหากอดิศักดิ์จะเล่นบทซุปเปอร์ฮีโร่อีกตัวหนึ่ง คือแบทแมนแล้วละก็ เขาก็มีโรบิ้นร่างผอมกระหร่อง… สรรวัชญ์ เป็นผู้ช่วยทำเกมส์ อยู่ข้างหน้า ฐิติพันธ์ และ ธนบูรณ์ ที่ทำหน้าที่ชะลอเกมส์บุกของฝ่ายตรงข้าม
ด้วยสถิติของสรรวัชที่มีทำแอตซิสต์ 5 ครั้ง ผ่านบอล 230 ครั้ง เขาคือหนึ่งในผู้นำของสถิตินี้และจะมีโอกาสเป็น MVP ของรายการนี้
แต่ เสือเหลืองจะโชคร้าย หากจะจับตายแค่ อดิศักดิ์ และ สรรวัชญ์
เหล่าสิงโตของโค้ชฟานดี้อาหมัดจากสิงคโปร์ที่พ่ายให้ทีมไทย 3:0 ในนัดสุดท้ายของรอบแรก ด้วยแผนการเล่น หยุดสรรวัช คือ หยุดไทยแลนด์
แต่ผลก็คือ ศูนย์หน้าเด็กหนุ่มวัย 19 ศุภชัย ใจเด็ด ที่เป็นผู้ลุกขึ้นมาพิฆาตและขุดหลุมฝังเหล่าสิงโต หนุ่มศุภชัยผู้ที่ร่างกายน่าจะไปเอาดีทางกีฬาบาสเกตบอลผู้นี้นอกจากจะมีความสามารถในการใช้ทักษะเล่นบอลแรกได้วิเศษเกินอายุของเขาแล้ว ยังมีลูกยิงเท้าขวาที่แม่นยำ
แต่อย่างไรก็ตามทีมไทยแม้จะมีคุณภาพก็ยังมีจุดอ่อนให้เห็น และจุดอ่อนจุดเดียวนั้นคือการยึดตัวฉัตรชัยเป็นผู้รักษาประตูแทนศิวรักษ์
ด้วยลูกที่เสียให้ทีมฟิลิปปินส์ อันส่งผลให้ผลการแข่งขันวันนั้นจากชนะกลายเป็นเสมอของฉัตรชัย อาจแก้ตัวได้ว่าเป็นโชคไม่ดีของเขา แต่การที่เขาเกือบทำพลาดโดยการทำเข้าประตูตัวเองอย่างน่าขบขันคือการไม่มองลูกบอลที่ส่งคืนมาจากสรรวัชให้เขา ซึ่งทำให้ลูกไหลผ่านเท้าเขาไปเกือบเข้าประตูตัวเอง โชคยังดีที่เขาแก้ไขมันทันและรอดจากการเสียประตูฟรีๆไปได้
ในขณะที่ไม่มีกวินทร์ แฟนบอลไทยจะต้องช่วยกันภาวนาให้เทพเจ้าแห่งฟุตบอลไม่ดลบันดาลให้ฉัตรชัยไม่ตื่นเต้นลนลานด้วยบรรยากาศในสนามบูกิต จาริล
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามแม้ว่ามาเลเซียจะมาไกลแบบไม่คาดคิดในการแข่งขันครั้งนี้ แต่หากไทยเล่นด้วยมาตรฐานตามปรกติของพวกเขามาเลเซียไม่ใช่คู่แข่งของไทยรวมทั้งอีกหลายๆทีมก็ไม่ใช่คู่แข่งของไทยเช่นกัน (โห ชมเยอะไปป่าว?)
และด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมของสรรวัชและเหล่าขุนพลทั้งหมด พวกเขาต้องเดินออกจากบูกิตจาริลด้วยชัยชนะต่อมาเลเซียเท่านั้น ช้างศึกชุดนี้ถึงจะได้รับการยอมรับจากแฟนบอลไทยอย่างเต็มภาคภูมิ
หากมิโลวานต้องการทำให้เสียงวิจารณ์เชิงลบของแฟนบอลต่อเขาเงียบลงได้ เขาต้องไม่ผิดพลาดในสนามที่เกียรติศักดิ์ได้ประทับตราตัวเองให้เป็นวีรบรุษในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอน
ศึกวันเสาร์นี้ที่บูกิตจาริลจะดุเดือดเลือดพล่านอย่างแน่นอน และคำถามนั้นมีเพียงคำถามเดียวว่า ช้างศึก 2018 จะมีคุณภาพเทียบเท่าช้างศึก 2014 ที่รวมเหล่าขุนพลของซิโก้ในยุคที่เต็มไปด้วยเหล่าเด็กหนุ่มยุคทองเหล่านั้นหรือไม่
อ่านบทความต้นฉบับได้ที่นี่ Fox Sports Asia
แปลและเรียบเรียงโดย Somboon Kaewsorn
แฟนเพจตัวยงของเพจคอมเมนต์แฟนกีฬาต่างชาติ
ภาพจาก ฟุตบอลทีมชาติไทย
ติดตามข่าวสารอื่นๆ ของฟ็อกซ์สปอร์ตเอเชียได้ที่เพจ Fox Sports Asia
ไฮไลท์การแข่งขันฟุตบอล AFF Suzuki Cup 2014 ไทย พบ มาเลเซีย เลกที่ 2
เข้าสู่หน้าหลัก >>>kwamkidhen.com
ไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ อย่าลืมกดไลค์ด้วยนะจ๊ะ ^^
พูดคุยกับเจ้ เมาท์มอยวงการกีฬาติดตามได้ในเพจนี้นะจ๊ะ