วิเคราะห์คู่แข่งขันเอเชียนคัพกลุ่มเอ: ทีมชาติอินเดีย
ส่องคู่แข่งเอเชียนคัพกลุ่มเอ : ทีมชาติอินเดีย
อินเดียผ่านเข้าสู่เอเชียนคัพรอบสุดท้าย ในฐานะแชมป์กลุ่มในรอบคัดเลือก ด้วยสถิติ ชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ลูกได้เสีย +6 ถือเป็นผลงานที่ใช้ได้เลยทีเดียว สำหรับอันดับฟีฟ่าล่าสุด (20 ธ.ค.2561) อินเดียอยู่ในอันดับที่ 97 ของโลก (ไทยอันดับ 118) หลังจากผลงานการแข่งขันและผลงานอุ่นเครื่องทีมชาติอินเดียทำได้ค่อนข้างดี ชนะเป็นส่วนใหญ่ แต่ทีมที่ชนะนั้นส่วนใหญ่ก็เป็นทีมที่อันดับต่ำกว่า จึงยังไม่สามารถวัดอะไรได้มากนัก คงต้องมาดูผลงานกันจริงๆ ในเอเชียน คัพที่กำลังจะมาถึงนี้ว่าขุมกำลังที่แท้จริงของอินเดียจะดีเหมือนกับอันดับฟีฟ่าหรือไม่ แต่ก็ถือเป็นทีมหนึ่งที่ไม่สามารถประมาทได้ เพราะในช่วงหลังๆ ลีกของอินเดียถือว่าบูมขึ้นอย่างมาก โดยมีผู้ชมเฉลี่ยต่อนัดอยู่ที่ 15,047 คน (ฤดูกาล 2017-2018) มีนักเตะต่างชาติมาค้าแข้งมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบราซิล, สเปน, อุรุกวัย, เวเนซูเอล่า, ไนจีเรีย ฯลฯ ทำได้ลีกของอินเดีย ยกระดับขึ้นมาอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยอันดับ AFC CLUB COMPETITIONS RANKING ของอินเดียล่าสุดอยู่ในอันดับที่ 14 (ไทยอันดับ 8) ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งว่าพัฒนาการของอินเดียในช่วงที่ผ่านมาจะทำให้พวกเขาคว้าชัยชนะได้หรือไม่ในเอเชียนคัพครั้งนี้
ผลงานที่โดดเด่นในอดีตของทีมชาติอินเดีย
อินเดียเคยผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกปี 1950 แต่ถอนตัวเนื่องจากเหตุผลบางประการ เคยได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์ ปี 1951 และผ่านเข้าไปเล่นโอลิมปิกส์ในปี 1952 จากนั้นได้อันดับ 4 โอลิมปิกส์ในปี 1956 ได้อันดับ 4 เอเชียนเกมส์ ปี 1958 และได้เหรียญทองเอเชียนเกมส์อีกครั้งในปี 1962 และรองแชมป์เอเชียนคัพ ปี 1964 หลังจากนั้นอินเดียก็ผลงานไม่ดีนัก และกลายเป็นยักษ์หลับมาจนถึงปัจจุบัน
สถิติการพบกับกันระหว่าง ไทย – อินเดีย
ไทยกับอินเดียเคยพบกันทั้งหมด 22 ครั้ง ไทยชนะ 10 เสมอ 7 แพ้ 5 โดยผลการพบกัน 5 ครั้งหลังสุดเป็นทีมไทยที่ทำได้ดีกว่าชัดเจน ชนะทั้ง 5 ครั้ง ทีมอินเดียสามารถเอาชนะไทยได้ครั้งสุดท้าย ต้องย้อนไปถึงปี 1986 รายการเมอร์เดก้า คัพ ที่อินเดียเอาชนะไทยไปได้ 3-1
31 ก.ค. 1986 อินเดีย 3-1 ไทย (เมอร์เดก้า คัพ) Merdeka Tournament
09 ก.พ. 1988 อินเดีย 0-1 ไทย (เอเชียน คัพ)
17 มิ.ย. 1988 อินเดีย 0-1 ไทย (เอเชียน คัพ)
10 มี.ค. 1995 อินเดีย 1-5 ไทย (เนห์รู โกลคัพ)
31 ก.ค. 1999 ไทย 2-0 อินเดีย (โอลิมปิกส์)
16 ต.ค. 2003 ไทย 2-0 อินเดีย (อุ่นเครื่อง)
04 ก.ย. 2010 ไทย 1-0 อินเดีย (อุ่นเครื่อง)
08 ก.ย. 2010 อินเดีย 1-2 ไทย (อุ่นเครื่อง)
ผลงานของทีมชาติอินเดีย ในปี 2561
สำหรับผลงานในปีนี้ของอินเดียในนามของทีมชุดใหญ่ก็ทำผลงานได้ไม่เลวทีเดียว ชนะ 6 เสมอ 1 แพ้ 4 โดยสามารถคว้าแชมป์รายการ Intercontinental Cup ได้ด้วยการชนะเคนยาในนัดชิงฯ 2-0, และได้รองแชมป์รายการ SAFF Cup โดยพ่ายให้กับมัลดีฟส์ในนัดชิงฯ 1-2
18 พ.ย.2561 อินเดีย 1-2 จอร์แดน (อุ่นเครื่อง)
13 ต.ค. 2561 อินเดีย 0-0 จีน (อุ่นเครื่อง)
15 ก.ย. 2561 อินเดีย 1-2 มัลดีฟส์ (SAFF Cup)
12 ก.ย. 2561 อินเดีย 3-1 ปากีสถาน (SAFF Cup)
9 ก.ย. 2561 อินเดีย 2-0 มัลดีฟส์ (SAFF Cup)
5 ก.ย. 2561 อินเดีย 2-0 ศรีลังกา (SAFF Cup)
10 มิ.ย. 2561 อินเดีย 2-0 เคนยา (Intercontinental Cup)
7 มิ.ย. 2561 อินเดีย 1-2 นิวซีแลนด์ (Intercontinental Cup)
4 มิ.ย. 2561 อินเดีย 3-0 เคนยา (Intercontinental Cup)
1 มิ.ย. 2561 อินเดีย 5-0 ไต้หวัน (Intercontinental Cup)
7 มี.ค. 2561 อินเดีย 1-2 คีร์กีซสถาน (เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก)
ผลงานของอินเดียในเอเชียนคัพ
อินเดียเคยผ่านเข้ามาเล่นเอเชียน คัพ รอบสุดท้ายทั้งหมด 3 ครั้ง โดยครั้งแรกทำผลงานได้ดีที่สุดคือ เอเชียน คัพ ปี 1964 โดยได้อันดับ 2 ของกลุ่ม แต่ไม่ผ่านเข้ารอบต่อไปเนื่องในปีนั้นเอาเฉพาะแชมป์กลุ่มเข้ารอบ อินเดียมาเข้ารอบสุดท้ายครั้งที่ 2 ในปี 1984 แต่ผลงานไม่ดีนักได้อันดับสุดท้ายของกลุ่ม แข่ง 4 นัด เสมอ 1 แพ้ 3 ลูกได้เสีย -7 และครั้งที่ 3 ที่อินเดียผ่านเข้ารอบสุดท้าย คือเอเชียน คัพ ปี 2011 โดยในปีนี้อินเดียอยู่ร่วมสายกับทีม ออสเตรเลีย, เกาหลีใต้ และบาห์เรน ผลปรากฏว่า อินเดียแพ้รวด โดยแพ้ออสเตรเลีย 0-4, แพ้เกาหลีใต้ 1-4 และแพ้บาห์เรน 2-5 จบอันดับบ๊วยของกลุ่ม
ผลงานรอบคัดเลือกเอเชียน คัพ 2019
อินเดียผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม ด้วยการเอาชนะ 4 เสมอ 1 แพ้ 1 ลูกได้เสีย +6 โดยมีผลงานแข่งขันดังนี้
7 มี.ค. 2561 คีร์กีซสถาน 2-1 อินเดีย (เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก)
11 พ.ย. 2560 อินเดีย 2-2 เมียนมา (เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก)
11 ต.ค. 2560 อินเดีย 4-1 มาเก๊า (เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก)
5 ก.ย. 2560 มาเก๊า 0-2 อินเดีย (เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก)
13 มิ.ย. 2560 อินเดีย 1-0 คีร์กีซสถาน (เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก)
28 มี.ค. 2560 เมียนมา 0-1 อินเดีย (เอเชียน คัพ รอบคัดเลือก)
7 มิ.ย. 2559 อินเดีย 6-1 ลาว (เอเชียน คัพ รอบเพลย์ออฟรอบคัดเลือก)
2 มิ.ย. 2559 ลาว 0-1 อินเดีย (เอเชียน คัพ รอบเพลย์ออฟรอบคัดเลือก)
ผู้ฝึกสอนทีมชาติอินเดีย
สตีเฟ่น คอนแสตนติน หัวหน้าโค้ชชาวอังกฤษของทีมชาติอินเดีย เขามารับหน้าที่เป็นกุนซือทีมชาติอินเดียตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม ปี 2015 โดยก่อนหน้านี้เขาเคยคุมทีมอื่นๆ มาแล้วมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทีมชาติเนปาล, ทีมชาติมาลาวี, ทีมชาติซูดาน, ทีมชาติรวันดา และในเดือนธันวาคมปี 2014 เขาพารวันดาได้อันดับฟีฟ่าสูงสุดตลอดกาล คือ อันดับที่ 68 ของโลก
โดยผลงานของเขากับทีมอินเดีย ในปี 2015 รอบคัดเลือกฟุตบอลโลกอินเดียอยู่ร่วมกับทีม อิหร่าน, โอมาน, เติร์กเมนิสถาน และกวม อินเดียได้อันดับบ๊วยของกลุ่ม เอาชนะได้เพียงแค่นัดเดียวเท่านั้น ปี 2016 เขาพาทีมอินเดียคว้าแชมป์ SAFF Cup โดยเอาชนะอัฟกานิสถาน 2-1 ในนัดชิงฯ เขาพาทีมอินเดียเข้ามาสู่อันดับท็อป 100 ของโลกได้ในปี 2017 โดยไม่แพ้ทีมใดเลยถึง 13 นัดติดต่อกัน และในปี 2018 เขาพาทีมผ่านเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายเอเชียนคัพได้สำเร็จ, และพาทีมคว้าแชมป์ Intercontinental Cup อีกด้วย
สำหรับรายชื่อ 28 นักเตะของทีมชาติอินเดีย ก่อนตัดตัวเหลือ 23 คนมีดังนี้
ผู้รักษาประตู
คุรปรีต สิงฆ์ สันธุ (26 ปี), วิศัล กายฐ์ (22 ปี) อัมรินเทร์ สิงฆ์ (25 ปี) อรินดัม ภัทฉารยา (29 ปี)
กองหลัง
นรายัน ทัศ (25 ปี) ปรีตมา โกตัล (25 ปี) สันเทศ ชหินคาน (25 ปี) สุภาษิต โพเส (23 ปี) สลัม รัญชัญ สิงฆ์ (23 ปี) ลัลรุอัตถรา (23 ปี) สารถัก โคลูอี (21 ปี) อานัส เอทะโถทิกา (31 ปี)
กองกลาง
โรลว์ลิ่ง บอร์เฮส (26 ปี) ฮาลีจารัน นาร์ซารี่ (24 ปี) เตเลม ชัจกิฉันท์ สิงฆ์ (26 ปี) โปรนาย หัลเทร์ (25 ปี) กุมาม อุทันตา สิงฆ์ (22 ปี) อนิรุธ ฐปา (20 ปี) มูฮัมหมัด ดิชีค กูรุนยัน (21 ปี) ลัลเลียนซุอลา ฉหังคเต (21 ปี) เครมันปรีต สิงฆ์ (22 ปี) วินิต ร้าย (21 ปี)
กองหน้า
มันวีร์ สิงฆ์ (23 ปี) ฟารุค ชุดฮารี่ (22 ปี) เชเช ลัลเปขลัว (27 ปี) พัลวัณฎ์ สิงฆ์ (32 ปี) สุมีต พัสสี (34 ปี) สุนิล ฉเหตรี (34 ปี)
นักเตะที่น่าจับตามองของทีมชาติอินเดีย
1. สุนิล ฉเหตรี (34 ปี) กองหน้าตัวเก๋าของทีมชาติอินเดีย และทีมแชมป์ลีกอินเดียอย่างสโมสรเบงคาลุรู เขาเป็นดาวซัลโวอันดับที่ 3 ของอินเดีย ซุปเปอร์ลีก ฤดูกาล 2017-2018 โดยทำได้ 14 ประตู ถือว่ามากที่สุดในบรรดานักเตะอินเดียด้วยกัน เขาลงเล่นให้กับทีมชาติอินเดียแล้ว 103 นัด ทำไป 65 ประตู โดยในปี 2018 เขาทำไปแล้ว 8 ประตู ทำแฮตริกในนัดที่ชนะไต้หวัน 5-0, ยิง 2 ลูกในนัดที่ชนะเคนยา 3-0, ยิง 1 ลูกในนัดที่แพ้นิวซีแลนด์ 1-2 และยิง 2 ลูกในนัดที่ชนะเคนยา 2-0 ในนัดชิงฯ ชนะเลิศ Intercontinental Cup ดังนั้นเขาคือตัวอันตรายที่กองหลังทุกทีมต้องระวังไว้ให้ดี
2. ซันเดช จินกาน (25ปี) กองหลังทีมชาติอินเดียและสโมสรฟุตบอลเคราล่า บลาสเตอร์ส เขาลงเล่นให้กับทีมชาติไปแล้ว 27 นัด ทำไป 4 ประตู ในฤดูกาล 2018 เขาคือกองหลังที่มีรายได้สูงสุดในอินเดีย ซุปเปอร์ ลีก โดยเขาได้ตกลงเซ็นสัญญากับสโมสรไปจนถึงปี 2020 และสโมสรต้องจ่ายให้เขาประมาณ ₹3.8 crores (17.67 ล้านบาท) ดังนั้นเขาถือเป็นอีกหนี่งปราการด่านสำคัญในเกมรับที่ทีมร่วมกลุ่มจะต้องฝ่าไปให้ได้
3. เจเจ ลัลเพคลัว (27ปี) กองหน้าทีมชาติอินเดียและสโมสรฟุตบอลเชนไนยิน เขาลงเล่นให้กับทีมชาติมาแล้ว 55 นัด ทำไป 22 ประตู ในฤดูกาล2017-2018 ทำให้ประตูให้กับสโมสรต้นสังกัดไป 9 ประตู ถือเป็นนักเตะอินเดียที่ทำได้ตูได้สูงสุดรองจาก สุนิล ฉเหตรี ในปี 2018 เขาเล่นทีมชาติไปแล้ว 6 นัดยิงไปสองประตู ดังนั้นเขาก็ถือเป็นนักเตะกองหน้าที่อีกคนที่ทีมอื่นๆ จะประมาทไม่ได้เลยทีเดียว
บทสรุปสำหรับทีมชาติอินเดีย
อันดับฟีฟ่าของทีมชาติอินเดียอยู่ที่อันดับ 97 ถือเป็นอันดับ 2 ของกลุ่มรองจากยูเออี (79) ในขณะที่อันดับ 3 คือบาห์เรน (113) และอันดับต่ำสุดในกลุ่มคือทีมไทย (118) และอันดับฟีฟ่าในปัจจุบันไม่ได้บ่งบอกถึงศักยภาพที่แท้จริงของทีมในปัจจุบัน 100% เนื่องจากมีการคิดคะแนน 4 ปีย้อนหลังด้วย ดังนั้นทุกทีมในกลุ่มถือว่าโอกาสใกล้เคียงกัน สำหรับอินเดียเองพัฒนาการของทีมชาติและลีกถือว่าดีขึ้นมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ มาตรฐานสโมสร มาตรฐานลีก และรายได้นักเตะ และจำนวนผู้เข้าชมถือว่าดีขึ้นอย่างมาก แม้จะไม่ใช่กีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งของประเทศก็ตาม แต่จากผลงานของทีมชาติอินเดียที่ผ่านมาส่วนใหญ่แล้วจะเอาชนะได้เพียงทีมชาติที่มีอันดับต่ำกว่า ดังนั้นในเวทีเอเชียน คัพ ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบของทีมชาติอินเดีย ว่าพวกเขาจะเป็นของจริงหรือไม่ เป็นยักษ์หลับที่กำลังจะตื่น หรือเป็นเพียงมนุษย์ตัวน้อยที่กำลังจะต่อกรกับยักษ์ใหญ่ในเอเชียเท่านั้น
บทความโดย : แอดมินอีเจ้
เครดิตเพจ : เพจคอมเมนต์แฟนกีฬาต่างชาติ
เครดิตเว็บ : www.kwamkidhen.com
เข้าสู่หน้าหลัก >>>kwamkidhen.com
ไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ อย่าลืมกดไลค์ด้วยนะจ๊ะ ^^
พูดคุยกับเจ้ เมาท์มอยวงการกีฬาติดตามได้ในเพจนี้นะจ๊ะ