**ไม่อนุญาตให้คัดลอกลงเว็บไซต์อื่นนะจ๊ะ … แต่อนุญาตให้แชร์จากเพจหรือนำลิงค์จากเว็บไซต์ไปใช้ได้ ^^**
แปลโดย : แอดมินอีเจ้
เครดิตเพจ : เพจคอมเม้นท์แฟนกีฬาต่างชาติ
เครดิตเว็บ : www.kwamkidhen.com
บทความเวียดนาม : เวียดนามไม่ต้องใช้เวลาถึง 30 ปีที่จะไล่ให้ทันไทย
เวียดนามไม่ต้องใช้เวลาถึง 30 ปีที่จะไล่ให้ทันไทย
ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เมื่อวิเคราะห์ GDP, ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและผลผลิตแรงงานโดยเฉลี่ย ผู้เชี่ยวชาญหลายท่านกล่าวว่าเวียดนามต้องใช้เวลา 30 ปี ถึงจะไล่ทันไทย อย่างไรก็ตามจาการวิเคราะห์ของคุณ ดร. Đinh Thế Hiển ที่ได้โพสต์ลงในฟอรั่มเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันของประเทศในหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ว่า เวียดนามอาจจะใช้เวลาสั้นกว่านั้นในการที่จะไล่ทันไทย
โอกาสทางเศรษฐกิจของเวียดนามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ในช่วงที่ผ่านมามีการหารือเกี่ยวกับความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจในบริบทของเวียดนนามที่ลงนามเจรจาต่อรองข้อตกการค้าเสรีฉบับใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง TTP … สื่อออนไลน์ด้านความสามารถในการแข่งขันของประเทศได้เสนอแนะความคิดเห็นของท่าน ดร. Đinh Thế Hiển เกี่ยวกับประเด็นนี้
จากการสัมมนาในหัวข้อ “การปฏิรูปสถาบันการเงินเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ปี 2015-2035” ที่เพิ่งจะจัดโดยกระทรวงวางแผนและการลงทุนเมื่อไม่นานมานี้ GDP ต่อหัวของเวียดนามในปี 2014 ที่มีมูลค่าเป็น 21 เท่าของปี 1990 แต่เท่ากับ GDP ของมาเลเซียในปี 1998, เท่ากับไทยในปี 1993, เท่ากับอินโดนีเซียในปี 2008, และฟิลิปปินส์ในปี 2010
ตั้งแต่นั้นมาก็มีความกังวลเกี่ยวกับความล้าหลังของเวียดนาม โดยกล่าวว่าเวียดนามจะตามหลังไทยประมาณ 20-30 ปี หรือแม้แต่กล่าวว่าคู่แข่งของเวียดนามจะเป็นเมียนมา, ลาว กัมพูชา … ไม่ใช่ไทยหรือมาเลเซีย
แต่อย่างไรก็ตาม หากมองไปที่สาเหตุหลักๆ ของข้อบกพร่องและข้อจำกัดของการพัฒนาเศรษฐกิจ เราจะเห็นได้ว่าเราสามารถเอาชนะได้อย่างสมบูรณ์ เวียดนามต้องการใช้เวลาที่สั้นกว่านี้ในการที่จะไล่ให้ทันไทย ถ้าหากรัฐบาลยังคงใช้นโยบายการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
โดยทั่วไปแล้ว GDP และรายได้ต่อหัวของเวียดนามต่ำเนื่องจากอัตราเงินเฟื้อที่สูงและการลงทุนที่ไม่ดี ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา เวียดนามทำให้อัตราเงินเฟื้อต่ำลงอยู่ในระดับเดียวกับภูมิภาค รัฐบาลมีการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและรัฐวิสาหกิจอย่างจริงจัง มีการปรับโครงสร้างการลงทุนของภาครัฐ จากสถิติล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่า GDP เป็นตัวผลักดันการเติบโตที่แข็งแกร่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถมองโลกในแง่ดีขึ้นเกี่ยวกับการไล่ตามประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้
เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านแรงงานและความสามารถในการแข่งขัน ปัจจัยที่สำคัญก็คือ เทคโนโลยีและทรัพยากรมนุษย์
เมื่อศึกษาด้านผลผลิตของแรงงานและเทคโนโลยีของเวียดนามแล้ว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนกล่าวว่าเวียดนามคงต้องใช้เวลาอีกในนานในการที่จะไล่ทันไทย แต่อย่างไรก็ตามด้วยการผสมผสานและการถ่ายทอดเทคโนโลยีทั่วโลก การนำเข้าเทคโนโลยีและเครื่องมือสามารถทำได้เร็วกว่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ในบางธุรกิจของเวียดนามมีระดับเทคโนโลยีไม่แพ้ประเทศอื่นๆ และเวลาที่ใช้ในการนำเข้าและบริหารจัดการก็เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น
ดังนั้นถ้าหากรัฐบาลสร้างสภาพแวดล้อมในการแข่งขันด้านที่ดี, พัฒนาด้านตลาดทุนให้ดี มีนโยบายที่ดีในการผลิตสินค้าคุณภาพและใช้เทคโนโลยีชั้นสูง FDI และผู้ประกอบการในประเทศก็จะพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว, แม้แต่ในบางภูมิภาคที่ลงทุนภายหลัง แต่ก็อาจจะสามารถใช้เทคโนโลยีที่เหนือกว่าไทยได้
เมื่อเปรียบเทียบกับโครงสร้างของเทคโนโลยีขั้นสูงกับทรัพยากรมนุษย์ขึ้นสูง การสร้างเทคโนโลยีขั้นสูงนั้นยากกว่ามาก แต่นี่คือปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันให้เวียดนามไล่ทันประเทศอื่นๆ สำหรับทรัพยากรมนุษย์ระดับสูงนั้นเราไม่ค่อยได้นำมาใช้มากนักเพราะชาวเวียดนามที่อยู่ในต่างประเทศก็กำลังทำงาน, ศึกษาวิจัยอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้ว หากว่าเราสามารถประสานเชื่อมต่อระหว่างเทคโนโลยีไฮเทคกับทรัพยากรมนุษย์ที่อยู่ในต่างประเทศได้โดยตรงเพื่อสร้างบริษัทผลิตเทคโนโลยีหรือเข้าร่วมพัฒนาเทคโนโลยีในบริษัทที่มีอยู่แล้ว พวกเราก็จะมีทีมงานด้านการวิจัยและวิทยาศาสตร์ที่แข็งแกร่ง
พวกเรามีการขับเคลื่อนที่ดีในเรื่องนี้ ซึ่งสามารถกล่าวได้ว่าการจัดให้มีไฮเทค ปาร์ค ในเมืองโฮจิมินห์ ซึ่งเมืองโฮจิมินห์ได้รับการส่งเสริมจากกองทุนพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง มหาวิทยาลัย Fulbright เวียดนาม โดยมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด (อเมริกา) เป็นความร่วมมือกันซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปี 2016 ไม่เพียงแต่จะฝึกฝนนักวิทยาศาสตร์รุ่นใหม่เท่านั้นแต่ยังเป็นการดึงดูดนักวิทยาศาสตร์จากทั่วโลกให้เข้ามาศึกษาวิจัย … ฝึกฝนและถ่ายทอดความรู้ ด้วยการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ มันจึงเป็นไปได้ที่จะคาดหวังกับทรัพยากรมนุษย์ระดับสูงในระยะเวลาอันสั้น
โดยสรุป เพื่อที่จะแข่งขันและไล่ให้ทันประเทศที่นำหน้าเวียดนามอยู่ห่างๆ อย่างประเทศไทยและมาเลเซีย, พวกเราจำเป็นต้องใช้ความพยายามและการแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เวียดนามมีข้อดีมากมายที่จะช่วยย่นระยะห่างให้สั้นลง ประกอบกับนโยบายจากรัฐบาลและทรัพยากรที่มีอยู่ จากนโยบายของรัฐบาลที่สร้างผลลัพธ์ให้เห็นแล้วในปี 2015 แสดงให้เห็นว่าเรามีข้อดีมากมายสำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจให้ได้ตามที่คาดหวังไว้ในอนาคต
ดร. Đinh Thế Hiển
ความคิดเห็นชาวเวียดนามเกี่ยวกับบทความนี้
Đặng Trung Hiếu
Tính ra Thái Lan phát triển chưa tương xứng. Họ không bị chiến tranh nhưng lại thua Malaysia.
Quan trọng là cơ chế phát triển. Việt Nam tuy nói kết thúc chiến tranh đã 43 năm nhưng tính ra mới mở cửa sau khi Mĩ dở bỏ cấm vận 1995, vậy tính ra mình mới phát triển thực sự và hội nhập vào nên kinh tế thế giới khoảng 23 thôi, nhưng như vậy là quá ổn rồi. Còn nhiều vấn đề trước mắt phải giải quyết…
การพัฒนาของไทยก็ไม่เหมาะเท่าไหร่ … พวกเขาไม่มีสงครามแต่ก็ยังแพ้มาเลเซีย สิ่งสำคัญคือเครื่องมือในการพัฒนา เวียดนามสิ้นสุดสงครามมา 43 ปีแล้ว แต่มาเปิดอีกครั้งในปี 1995 หลังจากที่อเมริกายกเลิกข้อห้าม
ดังนั้นพวกเรามีพัฒนาการและเข้าสู่เศรษฐกิจโลกจริงๆ ประมาณ 23 ปี แค่นั้น … แต่มันก็ยอดเยี่ยมมาก มีปัญหาอีกมากมายที่จะต้องแก้ไขอย่างแร่งด่วน
>>Đào Phi Long
Chiến tranh kết thúc năm 1991 nhé 🙂
สงครามสิ้นสุดในปี 1991
>>Hoàng Trọng Tín
Đâu, chính thức êm tiếng súng vào những năm 2000
เสียงปืนสิ้นสุดอย่างเป็นทางการในปี 2000
>>Vũ Quang Lý
Nào là polpot, trung quốc nữa. Làm gì mà đc 43 năm. 1988 mới rút quân khỏi cam.
ยังมี พอลพตและจีนด้วย อะไรคือ 43 ปี ปี 1988 ถอนทหารออกจากกัมพูชา
Đặng Trung Hiếu
Cho là 2 cuộc chiến với CPC và TQ là ngắn không trường kì như chống Pháp và Mĩ, thì tính từ 1995 là 23 năm nước ta mới chính thức giao lưu với thế giới bên ngoài
สำหรับสงคราม 2 ที่กับ กัมพูชาและจีนนั้นเป็นระยะสั้นไม่ได้ยาวนานเหมือนกับฝรั่งเศสและอเมริกา ตั้งแต่ปี 1995 ก็ 23 ปีแล้วที่เราเปิดประเทศอย่างเป็นทางการเพื่อแลกเปลี่ยนกับโลกภายนอก
Lâm Trung Hiếu
So sánh ngu vc, thế Thái Lan nó đứng yên cho Việt Nam đuổi à
เปรียบเทียบโง่ๆ, ไทยมันจะยืนเฉยๆ ให้เวียดนามไล่ตามเหรอ
Bảo Trần
Thái Lan Dúi khủng hoảng liên tục, tăng trưởng giờ cũng chỉ tầm 2-3%, đuổi kịp nó cũng chẳng có gì,
nhưng quan trọng là sự phát triển tự thân, chứ không phải so sánh với người khác.
ประเทศไทยเกิดวิกฤติอย่างต่อเนื่อง, เติบโตแค่ 2-3% เองตอนนี้ ไล่ตามไปก็ไม่มีอะไร … แต่สิ่งที่สำคัญคือการพัฒนาตัวเอง อย่าไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
Tô Văn Luân
Thái Lan k dậm chân tại chỗ chờ mình, nhưng nó đang pt chững lại rất nhiều
ไทยคงไม่ย่ำเท้าอยู่กับที่เพื่อรอหรอก, แต่ก็เดินช้าลงอย่างมาก
Thông Việt Trần
Thái lan chỉ có Bangkok với pattaya là 2 thành phố lớn mà ghê vậy. ko hiểu nổi
ประเทศไทยก็มีแค่ 2 เมืองใหญ่ อย่าง กรุงเทพฯ และพัทยาที่น่ากลัวมาก … ไม่เข้าใจ
Tran Tuong
Thái Lan nó dậm chân tại chổ thì 30 năm nửa đuổi kịp vô tư 🙂
ไทยมันจะย่ำเท้าอยู่กับที่ 30 ปี เพื่อให้ไล่ทันอย่างนั้นรึ
>>Huy Huynh
GDP Trung Quốc có hơn 8k trong khi Malay hơn 10k đâu có chứng minh đc kinh tế Malay hơn đc TQ.
Cũng như Vietnam và các nước như Cam hay Lao
GDP ต่อหัวของจีนมากกว่า 8000 usd ขณะที่มาเลเซีย มากกว่า 10000 usd ก็ไม่ได้หมายความว่าเศรษฐกิจมาเลเซียจะโตกว่าจีนนะ … ก็เหมือนกับเวียดนามกับประเทศอย่างกัมพูชาและลาว
>>hậu trung nguyễn
Lấy Gdp đầu người để so sánh 2 quốc gia là sự ngu dốt
การเอา GDP ต่อหัวของ 2 ประเทศมาเปรียบเทียบกัน คือ พวกไม่มีความรู้
>>Đức Ngô
đã ngu còn tỏ ra ngu hẳn =))
โง่แล้วยังอยากจะโชว์อีก
>>Hoang Linh
Đọc bài đi bác . N ko dậm chân thì no cũng lgi đc . Tình hình chính trị của n bất ổn qa r
อ่านบทความแล้ว ก็คงไม่ได้ย่ำอยู่กับที่หรอก … เป็นสถานการณ์ทางการเมืองและความไม่มีเสถียรภาพ
Phạm Long
Vậy chắc Thái lan nó dậm chân tại chỗ cho mình đuổi quá
แล้วประเทศไทยจะย่ำอยู่กับที่เพื่อให้ไล่ทันเหรอ
>>Hoang Linh
n đag dậm chân tại chỗ kia :))
tình hình chính trị như vậy thì Vietnam vẫn có chút cơ hội
ย่ำอยู่กับที่ในช่วงสถานการณ์ทางการเมือง ดังนั้นเวียดนามยังคงมีโอกาส
>>Phạm Long
Nó vẫn tăng trên 3% đấy nhé, 3% của 400 tỉ, còn mìh là 7% của 200 tỉ nên viễn cảnh vượt nó khó xảy ra
มันยังคงโตมากกว่า 3% นะ, 3% จาก 4 แสนล้าน usd ดังนั้น 7% จาก 2 แสนล้าน usd โอกาสที่จะเอาชนะมันไม่น่าจะเป็นไปได้
Phước Thiệm
chém gió. đấy toàn là suy nghĩ trong nước. cụm từ ” năm 2020 nước cơ bản công nghiệp hiện đại ”
chả ai dám nhắc lại :v
มันก็เป็นแค่ความคิดของคนในประเทศ …วลีที่ว่า “ในปี 2020 จะเป็นประเทศอุตหกรรมที่ทันสมัย” ไม่เห็นจะมีใครกล้ากล่าวซ้ำอีก 555
source: https://c21.com.vn/viet-nam-khong-can-den-30-nam-de-duoi-kip-thai-lan/
**โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน สำหรับการแปลในบางภาษาจะใช้เครื่องมือแปลภาษาอัตโนมัติ ซึ่งอาจจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้นได้ ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย หากเกิดข้อผิดพลาดในการแปลสามารถแจ้งให้แอดมินทราบเพื่อแก้ไขได้โดยทันทีบช ขอบพระคุณอย่างสูงจ้า**
เข้าสู่หน้าหลัก >>>kwamkidhen.com
ไม่อยากพลาดข่าวสารและบทความดีๆ … อย่าลืมกดติดตามด้วยนะจ๊ะ ^^
พูดคุยกับเจ้ เมาท์มอยวงการกีฬาติดตามได้ในเพจนี้นะจ๊ะ