ยิ่งขายยิ่งขาดทุน Vinfast รถยนต์แห่งชาติเวียดนาม จะทนได้นานอีกแค่ไหน?
สื่อของเวียดนาม ได้รายงานว่า เมื่อไม่นานมานี้ เหงียน ธิ วัน อันห์ รองผู้อำนวยการทั่วไปของบริษัท Vinfast ได้เปิดเผยว่า “Vinfast กำลังสวนกระแสของตลาดด้วยการประกาศขึ้นราคมรถยนต์ในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน, แต่พวกเราจะดำเนินการตามแผนของพวกเราอย่างมั่นคง และค่อยๆ ปรับราคาของรถยนต์ทั้ง 3 รุ่น ตามที่ได้ประกาศเอาไว้, Vinfast ยังคงขาดทุนอย่างมากในทุกๆ การขายที่เพิ่มขึ้น”
จากการให้ข้อมูลของ วัน อันห์ รถยนต์รุ่น Lux A2.0 รุ่นมาตรฐาน ปัจจุบันมีราคาอยู่ที่ 980.6 ล้านดง (1.28 ล้านบาท) ซึ่งมีต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 783.7 ล้านดง (1.02 ล้านบาท) โดยรวมต้นทุนด้านวัตถุดิบ, การขนส่ง, ภาษีนำเข้า, การผลิต, การรับประกัน, การจัดเก็บ, การขาย, การบริหารจัดการ …
อย่างไรก็ตามรถจะต้องแบกรับภาษีการบริโภคพิเศษเพิ่มเติมอีก 40% (285.5 ล้านดง หรือ 370,000 บาท) และภาษีมูลค่าเพิ่มอีก 10% (126.6 ล้านดง หรือ 160,000 บาท) ซึ่งรวมค่าภาษีทั้งหมด 412.1 ล้านดง (540,000 บาท) โดยราคาจริงๆ ของรถ คือ 1,392 ล้านดง (1.81 ล้านบาท) แต่ราคาที่ขายในตลาดคือ 1,099 ล้านดง (1.43 ล้านบาท) ทำให้ Vinfast ขาดทุนประมาณ 300 ล้านดง (390,000 บาท) ต่อการขายรถรุ่น Lux A2.0 1 คัน ในขณะเดียวกัน ก็ยังต้องปฏิบัติตามข้อผูกพันด้านภาษีกับรัฐเช่นกับรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ ในตลาด … เช่นกันเดียวกับรถยนต์อีก 2 รุ่น คือ Fadil และ Lux SA2.0 ที่ขาดทุนประมาณ 100 ล้านดง (130,000 บาท) และ 400 ล้านดง (520,000 บาท) ตามลำดับ
“เหตุผลที่ราคารถยนต์ครั้งที่ 3 ของรุ่น Lux A2.0 ในปัจจุบันราคาต่ำกว่าราคาที่เราประกาศในเดือนพฤศจิกายน 2018 (1,500 ล้านดง หรือ 1.92 ล้านบาท รวม VAT) พวกเราได้มีการปรับเปลี่ยนองค์ประกอบหลายอย่าง ขณะที่ปรับกระบวนการผลิตให้เหมาะสม ซึ่งช่วยลดต้นทุนด้านการผลิตและต้นทุนด้านการบริหารจัดการการผลิตได้อย่างมาก”
“ในช่วงเวลาที่กำลังจะมาถึง, ตามสถานการณ์จริงในปัจจุบัน, Vinfast จะทำการปรับเปลี่ยนอย่างเหมาะสมเพื่อสร้างสมดุลให้กับผู้บริโภคและผู้ผลิต” วัน อันห์ กล่าวปิดท้าย
ที่มาข่าว: docbao.vn และ cafef.vn
ฝากติดตามช่องยูทูปด้วยนะจ๊ะ >>> EJComment
พูดคุยกับเจ้ เมาท์มอยวงการกีฬาติดตามได้ในเพจนี้นะจ๊ะ